นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวในการแถลงในครั้งนี้ว่า จังหวัดยะลาได้กำหนด 1 ในยุทธศาสตร์จังหวัด คือ ยะลาเมืองทุเรียน กำหนดเป้าหมายให้จังหวัดเป็นเมืองทุเรียนแห่งภาคใต้ตอนล่าง โดยมีแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตทุเรียนแบบครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาขีดความสามารถของชาวสวนทุเรียน รวมกลุ่มบริหารจัดการทุเรียน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและพัฒนาคุณภาพ พร้อมสนับสนุนศูนย์คัดแยกผลไม้ชุมชนให้เป็นศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทุเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ กล่าวอีกว่า ทุเรียนจังหวัดยะลา ทุเรียนสะเด็ดน้ำ หมายถึงลักษณะทั้งภายนอกและภายในของเนื้อทุเรียน ซึ่งมีลักษณะเปลือกบาง เนื้อทองไม่ติดเปลือก เนื้อทุเรียนแห้ง เหนียวนุ่ม รสชาติหอมหวาน เนื่องจากมีแหล่งบ่มเพาะทุเรียนที่ปลอดสารเคมี มีเนื้อที่เพาะปลูกที่ห้อมล้อมด้วยผืนป่า หุบเขา สายน้ำ ทะเลสาบ และทะเลหมอก ด้วยผืนป่าฮาลาบาลา มีแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญในพื้นที่อำเภอ เบตง ธารโต และบันนังสตา โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ทั้งนี้ในปี 2563 มีเนื้อที่ปลูกทุเรียน 73,890 ไร่มีพื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว 53,621 ไร่ครัวเรือนผู้ปลูก 25,326 ครัวเรือน สร้างรายได้รวม 2,000 บาทกระจายทั่วทุกพื้นที่ ในปี 2563
ด้าน นางผุสสดี จ๋ายเจริญ พาณิชย์จังหวัดยะลา เผยว่า การตลาดนำการผลิต โดยแบ่งจำหน่ายภายในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ฮ่องกง เกาหลี มาเลเซีย ทั้งนี้ในปี 2563 นี้ ทุเรียนยะลาเป็นทุเรียนที่มีคุณภาพสูงมาก อร่อยและตอบสนองความต้องการของตลาดบริโภค ทั้งนี้กำลังเตรียมคำขอจดลิขสิทธิ์แบรนด์ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา คาดจะสามารถจดทะเบียนแล้วเสร็จภายในปีนี้