พรรคประชาชาติ นำทีมโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และพลพรรค ร่วมงานศพนายอับดุลอาซิส ยานยา นายกสมาคมสถาบันศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชิดชูเกียรติคุณหลังกลับคืนสู่พระเจ้า ที่ ปอเนาะสะนอดารุสสาลาม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า บาบออาซิส ยานยา ท่านจะเชิญมาพูดที่ปอเนาะบ่อยๆ จึงทราบว่าผู้ศึกษาในสถาบันปอเนาะจะให้คุณค่าเคารพชื่อถือผู้เป็นโต๊ะครูสูงมาก คนที่เป็นโต๊ะครู มีหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบต่ออนาคต รับผิดชอบต่อสังคม ท่านบาบออาซีส เป็นสภาที่ปรึกษา วันที่ผมไปนั่งเป็นเลขาธิการศอ.บต. ผมคิดว่าเรื่องของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องให้คน 3 จังหวัดแก้ ผมมีหน้าที่จะเข้ามาส่งเสริม สนับสนุนความคิดหรือจะมาปกป้องคุ้มครองสิทธิ์ในความคิดที่จะให้ไป บาบอก็บอกว่าต้องให้ความสำคัญสามพี่น้องที่จะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่บาบอหมายถึง ก็คือ สถาบันปอเนาะ โรงเรียนตาดีกา และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ท่านบาบออาซิสบอกว่า เลขาธิการฯ อย่าทำให้ 3 สถาบันนี้อย่าทิ้งเขา และนี่คือเส้นทางไปสู่สันติภาพและสันติสุขที่ทุกคนต้องการ บาบอท่านยังฝากไว้อีกว่าว่า อย่าทำให้ปอเนาะไปทะเลาะกับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา หรือไปทะเลาะกับตาดีกา ผมจำในสิ่งที่ท่านพูด สิ่งหนึ่งที่ผมต้องยอมรับว่ารัฐบาลไทย รัฐส่วนกลาง บางครั้งแก้ปัญหาแต่ปัญหามันอยู่ที่ตา คือมองไม่เห็นแต่ไปมองเรื่องอื่น สิ่งหนึ่งก็คือ ความเป็นวัฒนธรรมความเป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา สิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าดูในความเป็นจริง คือรัฐบาลไปคิดเอาเอง แล้วก็มาทำร้ายสิ่งที่ประชาชนรักประชาชนห่วงแหน คือสถาบันปอเนาะ อย่าเอาวัฒนธรรมของคนกรุงเทพฯมากลืนวัฒนธรรมมของคนมาลายู ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาหลายๆอย่างตามมา ที่อาจแก้ปัญหาได้ยากและไม่เข้าใจปัญหาที่แท้จริง
"จริงๆสถาบันปอเนาะถ้าได้ศึกษาจริงๆเขาไม่ต้องการยุ่งกับการเมือง แม้แต่การเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ สถาบันปอเนาะก็ไม่เคยจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงของกลุ่มอุดมการณ์ต่างๆ เพราะระวังในเรื่องการเมือง แต่เวลารัฐบาลโทษ ก็จะไปโทษที่สถาบันปอเนาะ จะเห็นได้ถ้าจำไม่ผิด ปี พ.ศ.2509 หรือ 2510 ที่ให้จดทะเบียนปอเนาะ และไม่ให้เพิ่มสถาบันปอเนาะ ต้องมาขึ้นทะเบียน แล้วก็ให้ไปเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนา และต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ส่วนปอเนาะบางส่วน ไม่เข้าก็พยายามจะไปกลืนในเรื่องไม่ให้สอนภาษามลายูที่ต้องเรียน ลักษณะเช่นนี้ มันก็นำไปสู่ความขัดแย้ง แล้วก็วิธีการที่แย่ที่สุดก็คือ ใช้อำนาจของรัฐบาล เช่น คุณเข้าไปเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแต่ให้เงินให้เฉพาะส่วนสามัญ ที่สอนศาสนาไม่ให้ นี้คือความเจ็บปวดมาก ก็เลยทำให้บาบอบอกผมว่า เลขาฯต้องดู3 สถาบันนี้ในเชิงลึก"