วันที่ 23 พ.ย.68 ฝนทวีความรุนแรงอีกระลอก หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศแจ้งเตือน ฉบับที่ 17 เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์อากาศที่ยังคงรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่างที่ยังเผชิญฝนตกหนักถึงหนักมาก จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลอันดามันตอนบน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งเคยประสบภัยน้ำท่วมมาก่อน ถูกน้ำเข้าท่วมแล้วถึง 10 ชุมชน ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองสะเตงนอก ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ประสบภัยขยายวงกว้างออกไป นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เรียกประชุมด่วนกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา  เพื่อประเมินและแก้ไขสถานการณ์ โดยมีการแบ่งมอบภารกิจและสั่งการให้ทุกภาคส่วนระดมกำลังและอุปกรณ์เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน ทั้งการจัดเตรียม เรือ, รถยกสูง เพื่ออพยพผู้ประสบภัย และการเตรียมพร้อมด้าน อาหารปรุงสุก

       นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่าภาพรวมทั้งจังหวัด ณ ขณะนี้ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองยะลา อ.รามัน อ.บันนังสตา และ อ.เบตง ซึ่งได้มีประกาศแจ้งเตือนประชาชนการเตรียมการอพยพประชาชน โดยเฉพาะ กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และเด็ก และผู้มีโรคประจำตัว และขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ประชาชนที่ได้รับแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา และการแจ้งเตือนน้ำล้นตลิ่งในท่าน้ำตามจุดต่างๆ ขอให้อพยพไปยังพื้นที่ที่กำหนดไว้ เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

       ขณะที่ ทางด้าน นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา แสดงความกังวลต่อปริมาณฝนที่ตกลงมาประกอบกับ มวลน้ำสมทบจากพื้นที่ อ.ยะหา ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นจนเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งอาจทำให้พื้นที่น้ำท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น